ทุกครั้งเวลาที่เราทำบุญและกรวดน้ำแผ่เมตตา เรามักจะลืมนึกถึงบรรพบุรษ หรือวีรชน วีรสตรีผู้กล้า ที่ได้สละชีพสละเลือดเนื้อตนเอง
เพื่อรักษาและปกป้องผืนแผ่นดินอาณาเขตของประเทศไทย เรามักจะอุทิศและแผ่บุญกุศลโดยรวมแบบไม่เจาะจงให้ผู้ใดผู้หนึ่งรับ
แต่จะพูดโดยกว้าง ๆ เช่น เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย สัมพเวสีทั่วไป และบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่เราใช้ร่างกายเขาเหล่านั้นประทังชีวิต
แต่ไม่เคยหรือแค่ส่วนน้อยที่จะเจาะจงไปยังกลุ่มผู้รับที่กล่าวข้างต้นเลย
เนื่องจากได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่นหนึ่ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ สรุปโดยย่อคือ กรรมเกิดจากการกระทำ
ไม่ว่าจะกระทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง หรือในขณะทำนั้นจิตไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อกตัญญูแผ่นดิน แต่เกิดจากความโลภ
โทสะ ก็มักจะส่งผลของการกระทำไม่ต่างกันมากนัก นั่นคือ จิตมักจะผูกอยู่ ณ สถานที่นั้น ไม่ว่าตัวตายหรือผ่านมากี่ภพ
ขณะจิตที่เกิดขึ้นก่อนตายก็ยังอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจะหมดสิ้นเวรกรรม ดังนั้น จิตของเหล่าวิญญานผู้กล้าเหล่านั้นก็มักจะยัง
วนเวียนอยู่ในที่แห่งนั้น จนกว่าพวกเขาจะชดใช้กรรมหมดไปหรือได้ในสิ่งที่ต้องการ
ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่อะไร แต่เนื่องจากทุกวันนี้เวลาใส่บาตร และกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล เราจะแผ่ไปให้ถึงกลุ่มวีรชน
วีรสตรีผู้กล้า และทหารที่เสียเลือดเนื้อและเสียสละแก่ความสุขของตนให้กับคนรุ่นหลัง บางคนก็มีครอบครัว มีพ่อแม่ มีลูก
ทุกคนอยากกลับไปนอนกอดกัน ไปนั่งกินข้าวร่วมกัน ไปเทือกสวนไร่นา ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่พวกเขากลับทำไม่ได้
พวกเขาเหล่านั้นต้องเสียสละตนเองเพื่อให้คนข้างหลังอยู่รอดปลอดภัย ทุกครั้งที่ผ่านอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรืออนุสาวรีย์ตามต่างจังหวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน เราและ
ครอบครัวมักจะอุทิศบุญกุศลให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเช่นกัน และทุกครั้งหากได้กรวดน้ำลงดินพร้อมอุทิศบุญกุศลด้วยความ
ปลื้มปิติ ขนแขนถึงขนหัวก็มักจะลุกชันขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันเสมอ และน้ำตาก็มักจะเอ่อล้นออกมาทุกครั้ง ยิ่งเวลาที่ตักบาตร
ในที่ทำงานแล้วกรวดน้ำน้ำตาจะเอ่อออกมา เวลาเงยหน้าขึ้นพี่ที่ไปตักบาตรด้วยกันก็มักถามว่า
"ใครเสียหรือเปล่าพี่เห็นเรากรวดน้ำแล้วร้องไห้ พี่เสียใจด้วยนะคะน้อง"
เราเป็นแบบนี้ทุกครั้งโดยที่เราไม่ได้อยากให้น้ำตาไหลออกมา จนกระทั่งได้ไปยังอนุสาวรย์วีรชนผู้กล้าที่หนึ่งพร้อมครอบครัว
เมื่อถึงตอนตั้งจิตอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาและกรวดน้ำนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ เรารีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้
ใครเห็นกลัวคนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกเราแล้วจะหาว่าเราบ้า... พอเช็ดน้ำตาแล้วเราเดินมาเข้าห้องน้ำ น้องชายก็เดินตามมาแล้ว
บอกว่า
"พี่เข้าใจความรู้สึกของหนูเวลาที่รอคอยให้พ่อกับแม่กลับมารับหนูไหม หนูรู้สึกไม่ต่างกับพวกเขาเลยที่ต้องรอคอยคนที่ตัวเองรัก
อยู่ตรงนี้" เราไม่แปลกใจที่น้องชายเราพูดแบบนี้ เพราะเรารู้แล้วว่าเสียงที่เปล่งออกมาจากข้างในนั้นเป็นเสียงที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี
"ไม่รู้ทำไมพี่ถึงน้ำตาไหลและรู้สึกอยากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นทุกครั้งที่นึกถึงพวกเขา"
"ก็เพราะว่ามีจิตผูกพันธ์กันไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งพี่ถึงสัมผัสได้ รวมถึงหนูอยากให้พี่รู้สึกด้วยว่าหนูทรมานและเสียใจแค่ไหนที่ต้องรออยู่
ตรงนั้น (อยุธยา) รอนานมาหลายร้อยปีแล้วกว่าพ่อกับแม่จะกลับมา รู้ไหมว่าหนูเจ็บ" พูดแล้วน้ำตาน้องชายก็ไหลออกมา
"แต่พวกเขาเหล่านี้ คนรุ่นหลังก็ทำบุญอุทิศบุญกุศลให้แล้ว มีการจัดพิธีทำบุญใหญ่โตในทุกปี แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่หลุดจาก
สถานภาพตรงนี้?"
"ตราบใดที่พวกเขายังไม่ลืมสิ่งที่จดจำหรือทำก่อนสิ้นลม หากเขายังพะวงและคิดถึงคนข้างหลัง เขาก็ไปไหนไม่ได้ เหมือนหลาย ๆ คน
ที่หนูเห็นอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่ไปไหน เพราะก่อนตายยังไม่ได้สั่งเสียพ่อแม่ ลูกเมียที่บ้านเลย"
นี่คือสิ่งที่น้องบอกเราและเราก็รับรู้ถึงความรู้สึกหลังความตายเหล่านั้นได้... ไม่มากก็น้อย...
อุทิศบุญกุศลให้ใคร
เพื่อรักษาและปกป้องผืนแผ่นดินอาณาเขตของประเทศไทย เรามักจะอุทิศและแผ่บุญกุศลโดยรวมแบบไม่เจาะจงให้ผู้ใดผู้หนึ่งรับ
แต่จะพูดโดยกว้าง ๆ เช่น เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย สัมพเวสีทั่วไป และบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่เราใช้ร่างกายเขาเหล่านั้นประทังชีวิต
แต่ไม่เคยหรือแค่ส่วนน้อยที่จะเจาะจงไปยังกลุ่มผู้รับที่กล่าวข้างต้นเลย
เนื่องจากได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่นหนึ่ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ สรุปโดยย่อคือ กรรมเกิดจากการกระทำ
ไม่ว่าจะกระทำเพื่อปกป้องบ้านเมือง หรือในขณะทำนั้นจิตไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อกตัญญูแผ่นดิน แต่เกิดจากความโลภ
โทสะ ก็มักจะส่งผลของการกระทำไม่ต่างกันมากนัก นั่นคือ จิตมักจะผูกอยู่ ณ สถานที่นั้น ไม่ว่าตัวตายหรือผ่านมากี่ภพ
ขณะจิตที่เกิดขึ้นก่อนตายก็ยังอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจะหมดสิ้นเวรกรรม ดังนั้น จิตของเหล่าวิญญานผู้กล้าเหล่านั้นก็มักจะยัง
วนเวียนอยู่ในที่แห่งนั้น จนกว่าพวกเขาจะชดใช้กรรมหมดไปหรือได้ในสิ่งที่ต้องการ
ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่อะไร แต่เนื่องจากทุกวันนี้เวลาใส่บาตร และกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล เราจะแผ่ไปให้ถึงกลุ่มวีรชน
วีรสตรีผู้กล้า และทหารที่เสียเลือดเนื้อและเสียสละแก่ความสุขของตนให้กับคนรุ่นหลัง บางคนก็มีครอบครัว มีพ่อแม่ มีลูก
ทุกคนอยากกลับไปนอนกอดกัน ไปนั่งกินข้าวร่วมกัน ไปเทือกสวนไร่นา ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่พวกเขากลับทำไม่ได้
พวกเขาเหล่านั้นต้องเสียสละตนเองเพื่อให้คนข้างหลังอยู่รอดปลอดภัย ทุกครั้งที่ผ่านอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรืออนุสาวรีย์ตามต่างจังหวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน เราและ
ครอบครัวมักจะอุทิศบุญกุศลให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเช่นกัน และทุกครั้งหากได้กรวดน้ำลงดินพร้อมอุทิศบุญกุศลด้วยความ
ปลื้มปิติ ขนแขนถึงขนหัวก็มักจะลุกชันขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันเสมอ และน้ำตาก็มักจะเอ่อล้นออกมาทุกครั้ง ยิ่งเวลาที่ตักบาตร
ในที่ทำงานแล้วกรวดน้ำน้ำตาจะเอ่อออกมา เวลาเงยหน้าขึ้นพี่ที่ไปตักบาตรด้วยกันก็มักถามว่า
"ใครเสียหรือเปล่าพี่เห็นเรากรวดน้ำแล้วร้องไห้ พี่เสียใจด้วยนะคะน้อง"
เราเป็นแบบนี้ทุกครั้งโดยที่เราไม่ได้อยากให้น้ำตาไหลออกมา จนกระทั่งได้ไปยังอนุสาวรย์วีรชนผู้กล้าที่หนึ่งพร้อมครอบครัว
เมื่อถึงตอนตั้งจิตอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาและกรวดน้ำนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ เรารีบเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้
ใครเห็นกลัวคนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกเราแล้วจะหาว่าเราบ้า... พอเช็ดน้ำตาแล้วเราเดินมาเข้าห้องน้ำ น้องชายก็เดินตามมาแล้ว
บอกว่า
"พี่เข้าใจความรู้สึกของหนูเวลาที่รอคอยให้พ่อกับแม่กลับมารับหนูไหม หนูรู้สึกไม่ต่างกับพวกเขาเลยที่ต้องรอคอยคนที่ตัวเองรัก
อยู่ตรงนี้" เราไม่แปลกใจที่น้องชายเราพูดแบบนี้ เพราะเรารู้แล้วว่าเสียงที่เปล่งออกมาจากข้างในนั้นเป็นเสียงที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี
"ไม่รู้ทำไมพี่ถึงน้ำตาไหลและรู้สึกอยากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นทุกครั้งที่นึกถึงพวกเขา"
"ก็เพราะว่ามีจิตผูกพันธ์กันไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งพี่ถึงสัมผัสได้ รวมถึงหนูอยากให้พี่รู้สึกด้วยว่าหนูทรมานและเสียใจแค่ไหนที่ต้องรออยู่
ตรงนั้น (อยุธยา) รอนานมาหลายร้อยปีแล้วกว่าพ่อกับแม่จะกลับมา รู้ไหมว่าหนูเจ็บ" พูดแล้วน้ำตาน้องชายก็ไหลออกมา
"แต่พวกเขาเหล่านี้ คนรุ่นหลังก็ทำบุญอุทิศบุญกุศลให้แล้ว มีการจัดพิธีทำบุญใหญ่โตในทุกปี แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่หลุดจาก
สถานภาพตรงนี้?"
"ตราบใดที่พวกเขายังไม่ลืมสิ่งที่จดจำหรือทำก่อนสิ้นลม หากเขายังพะวงและคิดถึงคนข้างหลัง เขาก็ไปไหนไม่ได้ เหมือนหลาย ๆ คน
ที่หนูเห็นอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่ไปไหน เพราะก่อนตายยังไม่ได้สั่งเสียพ่อแม่ ลูกเมียที่บ้านเลย"
นี่คือสิ่งที่น้องบอกเราและเราก็รับรู้ถึงความรู้สึกหลังความตายเหล่านั้นได้... ไม่มากก็น้อย...